คลังเก็บหมวดหมู่: เด็ก

แพทย์แนะนำสร้างและสะสมมวลกระดูกของบุตรหลาน ลดความเสี่ยงโรค “กระดูกพรุน” ในอนาคต

แพทย์แนะนำสร้างและสะสมมวลกระดูกของบุตรหลาน ลดความเสี่ยงโรค “กระดูกพรุน” ในอนาคต

เด็ก

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และภาวะกระดูกบาง (Osteopenia)  คือภาวะที่ร่างกายมีความหนาแน่นของกระดูก (Bone Density) และคุณภาพของกระดูก (Bone quality) ที่ลดลง ส่งผลให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง ทำให้กระดูกหักง่ายขึ้น แม้เกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย นำมาซึ่งภาวะทุพพลภาพทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเสียชีวิตได้

จากสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าโรคกระดูกพรุนเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขในลำดับที่ 2 ของโลก รองจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด โดยสอดคล้องกับข้อมูลของมูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติพบว่า ประชากรไทยที่มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน 80 – 90% ยังไม่ได้รับการประเมินและรักษา โรคกระดูกพรุนถือเป็นภัยเงียบที่ไม่มีสัญญาณเตือนเมื่อเกิดร่วมกับกระดูกสะโพกหักจะมีอัตราการเสียชีวิตในปีแรกถึง 17 % และมีสัดส่วน 80% ที่ไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม

นพ.ศรัณย์ จินดาหรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ  เผยว่า โรคกระดูกพรุนเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลักใหญ่ คือ ปริมาณมวลกระดูกที่สะสม (Peak bone mass) ไว้มีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น หรือ มีการสลายของกระดูกมากกว่าปกติ โดยปกติแล้วมวลกระดูกนั้นจะเพิ่มสูงสุดอยู่ในระหว่างช่วงอายุ 30 – 34 ปี หลังจากนั้นจะมีการสูญเสียของมวลกระดูกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในสตรีเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนจะมีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็วในระยะ 5 ปีแรกและลดลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามกระดูกของเด็กในวัยนี้จะแข็งแรงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอาหารเป็นสำคัญ เพราะจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายรวมถึงมวลกระดูก โดยเฉพาะปริมาณของแคลเซียมที่รับประทานเข้าไปมีความสำคัญมากต่อมวลกระดูกและการเจริญเติบโตของกระดูก

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละวัย ดังนี้ เด็ก 6 เดือนแรก ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 400 มิลลิกรัมต่อวันเด็กอายุ 6 เดือน -1 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 600 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 700 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และเด็กอายุ 9-18 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน (1)

ทั้งนี้อาหารที่มีปริมาณแคลเซียมมากและดูดซึมได้ดี คือ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม (นม 1 กล่อง ปริมาณ 250 ซีซี ให้แคลเซียม 300 มิลลิกรัม) อาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ กุ้งแห้ง ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ ผักที่มีแคลเซียมสูง เช่น คะน้า ตำลึง ผักกระเฉด ขี้เหล็ก ดอกแค สะเดา

3 วิธีช่วยให้กระดูกแข็งแรง

การเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงสามารถทำได้ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนอายุ 30 ปี เป็นการป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนที่ดีที่สุด

  1. ออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (Weight Bearing Exercise) และแบบเพิ่มแรงต้านอย่างสม่ำเสมอ (Resistant Exercise) โดยใช้เท้าและขา หรือมือและแขน ในการรับน้ำหนักของตัวเอง เช่น การเต้นแอโรบิก ฟุตบอล บาสเกตบอล แบดมินตัน วิ่ง หรือการเดิน
  2. การได้รับปริมาณแคลเซียมอย่างเพียงพอและเหมาะสม ตามคำแนะนำของมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2564 มีดังนี้
  • สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และหญิงวัยหมดประจำเดือน ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยเน้นการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง
  • ไม่แนะนำให้รับประทานแคลเซียมมากกว่า 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งรวมทั้งแคลเซียมจากอาหารและแคลเซียมเสริม สำหรับผู้ป่วยที่มีประวัตินิ่วในไต ควรได้รับการประเมินสาเหตุของการเกิดนิ่ว ส่วนประกอบของนิ่วก่อนให้แคลเซียมเสริม
  1. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ หรือแอลกอฮอล์ ที่มีผลให้มวลกระดูกลดลง

นพ.ศรัณย์ ยังกล่าวอีกด้วยว่าภาวะกระดูกสันหลังหักจากโรคกระดูกพรุน อาจจะมีอาการปวดเรื้อรังเพียงเล็กน้อย ตัวเตี้ยลง หลังค่อม หลังคด ท้องอืด เบื่ออาหาร เนื่องจากความจุในช่องท้องลดลง ไปจนถึงผู้ป่วยมีอาการปวดมากจนไม่สามารถลุกเดินได้

ในกรณีที่สงสัยว่ากระดูกสันหลังของคุณเกิดการยุบตัวจากภาวะกระดูกพรุน สามารถตรวจได้ด้วยการทำ X-ray ร่วมกับ MRI จะช่วยให้การวินิจฉัยภาวะผิดปกตินี้ได้ สามารถเข้ามาปรึกษาที่ โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาท เพื่อแพทย์จะได้ทำการวินิจฉัยได้อย่างตรงจุด

แนะนำข่าวเด็ก อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : มีลูกเมื่อพร้อม! ส่องเทรนด์ “คุณแม่ยุคดิจิทัล”  

มีลูกเมื่อพร้อม! ส่องเทรนด์ “คุณแม่ยุคดิจิทัล”

มีลูกเมื่อพร้อม! ส่องเทรนด์ “คุณแม่ยุคดิจิทัล”

เด็ก

ในยุคที่หลายคนยึดคติ “มีลูกเมื่อพร้อม” ทำให้คนเป็น “แม่” ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก เพราะเรื่องลูกถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ในงานประกาศรางวัล “ดิเอเชี่ยนพาเรนท์ อวอร์ด2022” สุดยอดแบรนด์ผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับแม่และเด็กแห่งปี ณ บีซีซี ฮอลล์ เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ชั้น 5

นิธินันท์ อัศวทร ผู้บริหาร theAsianparent ประจำประเทศไทย และ ประเทศเวียดนาม ได้มาอัพเดทเทรนด์คุณแม่ยุคนี้ให้ได้รู้ว่า คุณแม่สมัยนี้เป็น “คุณแม่ที่ฉลาด” ก่อนจะซื้ออะไรจะมีการค้นหาข้อมูลทางออนไลน์เยอะ ไม่ใช่แค่ถามคนข้างๆ ทำให้คุณแม่ในสมัยนี้มีความรู้มากขึ้นในการเลี้ยงลูก และเรียลไทม์ได้เร็วเวลามีอะไรเกิดขึ้น เรียกว่าเป็นวิถีแห่งไลฟ์สไตล์ของเหล่าคุณแม่ยุค DIGITAL MUM

“แม่ยุคนี้เป็นเวิร์กกิ้งวูแมน จึงย่อมคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งออนไลน์ เพื่อประหยัดเวลาไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง แค่รออยู่บ้านสินค้าก็มาส่งถึงที่ อีกทั้งทุกวันนี้ยังมีการหาข้อมูลที่ง่ายดายผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ทุกช่องทางพร้อมตอบคำถามของคุณแม่ได้อย่างเรียลไทม์ นับว่าการดูแลบุตรในปัจจุบันจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีตัวเลือกเยอะ คุณแม่จะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น”